Exchange Program Fall 2023 (Sep. 2023 - Jul. 2024), Chiba University, Japan
1. การเรียน
ภาคการศึกษาของ
Chiba
University แบ่งเป็นภาคฤดูใบไม้ผลิ (เริ่มปีการศึกษา)
และภาคฤดูใบไม้ร่วง โดยภาคฤดูใบไม้ผลิจะประกอบไปด้วยเทอม 1-3
และภาคฤดูใบไม้ร่วงจะประกอบไปด้วยเทอม 4-6
(เทอม 3 และ เทอม 6 เป็นช่วงหยุดซึ่งไม่มีการเรียนการสอน)
ในครั้งนี้ได้เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนตั้งแต่ภาคฤดูใบไม้ร่วง 2023 ถึงภาคฤดูใบไม้ผลิ 2024 รวมระยะเวลา 1 ปีการศึกษา
นักศึกษาแลกเปลี่ยนในโครงการ
J-PAC จะสังกัดอยู่ใน College of Liberal Arts
and Sciences และมีอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นผู้ดูแล
รวมถึงมีแผนกสำหรับดูแลนักศึกษาแลกเปลี่ยนโดยเฉพาะอยู่ด้วย
นักศึกษาแลกเปลี่ยนสามารถลงทะเบียนเรียนในรายวิชาภาษาญี่ปุ่น (ระดับ 100-800 ตามความเหมาะสม) รายวิชาทั่วไป และรายวิชานอกคณะที่ได้รับอนุญาตได้ โดยรายวิชาที่ผมได้เลือกเรียนส่วนใหญ่เป็นรายวิชาภาษาญี่ปุ่น และรายวิชาทั่วไปที่มีการจัดการเรียนการสอนด้วยภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก ซึ่งรายวิชาทั่วไปเป็นรายวิชาที่มีนักศึกษาญี่ปุ่นเข้าเรียนเป็นปกติ จึงมีโอกาสได้เรียนร่วมกับนักศึกษาญี่ปุ่นในรายวิชาเหล่านี้
2. กิจกรรมนอกห้องเรียน
ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมในชมรม
Kendo
ของมหาวิทยาลัย ชมรมนี้จัดเป็นชมรมกีฬาซึ่งสมาชิกมีการเข้าร่วมในการลงแข่งรายการใหญ่อยู่หลายครั้ง
การซ้อมจึงค่อนข้างจริงจังและเข้มงวด โดยจะมีตารางซ้อม 4 วันต่อสัปดาห์
(วันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ และวันเสาร์) และใช้เวลาซ้อมประมาณ 3 ชั่วโมงต่อวัน
Kendo
เป็นกีฬาเก่าแก่ของญี่ปุ่นจึงพ่วงมาด้วยระเบียบที่ต้องปฏิบัติตามหลายข้อด้วยกัน
ไม่ว่าจะทั้งการทำความเคารพก่อนหลังการซ้อม การทำสมาธิ การสวมใส่ชุด
หรือแม้แต่การนั่งและการลุกยืน
สำหรับผมแล้วจึงนับได้ว่าเป็นการเรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นควบคู่ไปด้วย
นอกจากนั้นการได้พูดคุยกับสมาชิกในชมรมยังเป็นทั้งการเชื่อมสัมพันธ์และการฝึกภาษาญี่ปุ่นอีกทางหนึ่ง เพราะในบางครั้งก็มีทั้งคำศัพท์หรือไวยากรณ์ที่ไม่สามารถพบเจอได้ในห้องเรียนและได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมชมรมนี้ ซึ่งสมาชิกในชมรมทุกคนก็เป็นมิตรและให้การช่วยเหลือเป็นอย่างดี สำหรับผมแล้วคิดว่าเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าไม่น้อยไปกว่าความรู้ในห้องเรียนเลย
หอพักระหว่างศึกษาแลกเปลี่ยน
3. การใช้ชีวิต
ก่อนเดินทางถึงประเทศญี่ปุ่น
Chiba
University ได้มีการกำหนดติวเตอร์ (ผู้ดูแล)
ซึ่งเป็นนักศึกษาญี่ปุ่นไว้ให้เรียบร้อยแล้ว โดยติวเตอร์จะคอยดูแลความเป็นอยู่และช่วยเหลือในการใช้ชีวิตช่วงแรกหลังจากถึงประเทศญี่ปุ่น
จึงทำให้สามารถปรับตัวและคุ้นชินกับการใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่นได้เร็วยิ่งขึ้น
ในส่วนของที่พักอาศัย
Chiba
University เป็นผู้คัดเลือกที่พักอาศัยที่เข้าเกณฑ์และส่งรายชื่อที่พักอาศัยให้นักศึกษาแลกเปลี่ยนเป็นผู้เลือก
โดยที่พักอาศัยของผมอยู่บริเวณสถานีรถไฟ Makuhari Hongo มีระยะทางห่างจากสถานีรถไฟ
Nishi-Chiba ซึ่งเป็นสถานีที่ตั้งของมหาวิทยาลัยราว
4 สถานี ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 10 นาทีโดยรถไฟ
สภาพที่พักน่าประทับใจ มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม
อีกทั้งบริเวณใกล้เคียงยังมีร้านสะดวกซื้อ ร้านซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านเครื่องใช้
ร้านขายยา ไปรษณีย์ ฯลฯ ทำให้มีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก
จังหวัด
Chiba เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค Kanto ของประเทศญี่ปุ่น
อีกทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นอย่างกรุง Tokyo การเดินทางไปมาระหว่างกันจึงง่ายและสะดวก ผมจึงมีโอกาสได้ท่องเที่ยวใน
2 จังหวัดนี้อยู่บ่อยครั้ง อาทิเช่น LaLaport, Shinshoji ในจังหวัดชิบะ หรือ Tokyo Sky Tree, Asakusa, Akihabara, Odaiba,
Tokyo Big Sight ในกรุงโตเกียว เป็นต้น
อีกทั้งประเทศญี่ปุ่นยังมีเทศกาลตามฤดูกาลให้เพลิดเพลินได้ตลอดทั้งปี อาทิเช่น เทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง เทศกาลขึ้นปีใหม่ในฤดูหนาว เทศกาลชมดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ เทศกาลชมดอกไม้ไฟในฤดูร้อน และอื่น ๆ อีกมากมาย
4. ประโยชน์ที่ได้รับ
การไปศึกษาแลกเปลี่ยนครั้งนี้นอกจากจุดประสงค์ในการศึกษาภาษาญี่ปุ่นแล้ว
ยังเป็นการศึกษาวัฒนธรรมอีกด้วย ทั้งการได้พบเจอผู้คน
การได้ใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่น ต่างก็นับเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากในประเทศไทย จึงอยากเก็บประสบการณ์และความทรงจำนี้ไว้เพื่อใช้พัฒนาและผลักดันตนเองต่อไป